วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2024

โรฮิงญา : ผู้อพยพโรฮิงญากว่า 200 ชีวิต เสี่ยงเรือจม นอกชายฝั่งไทย โยนศพทิ้งทะเลแล้วหลายสิบ – BBC News ไทย

  • Author, ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล
  • Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
ชาวโรฮิงญากว่า 200 คน แออัดอยู่ในเรือลำเดียว

ที่มาของภาพ, ซายิด อาลัม

คำบรรยายภาพ,

ชาวโรฮิงญากว่า 200 คน แออัดอยู่ในเรือลำเดียว

ชาวโรฮิงญากว่า 200 ชีวิต ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เสี่ยงเสียชีวิตหมู่ ใกล้ จ.ภูเก็ตของไทย หลังขาดน้ำ ขาดอาหาร และขาดคนช่วยเหลืออยู่ในทะเลอันดามัน มานานกว่า 7 วัน

วานนี้ (6 ธ.ค.) สมาคมโรฮิงญาแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวราว 1 นาที เผยให้เห็นชาวโรฮิงญานับร้อยคนบนเรือลำหนึ่ง ลอยลำอยู่ในน่านน้ำใกล้เขตเศรษฐกิจจำเพาะ ใกล้ จ.ภูเก็ต ทางตะวันตกของไทยในฝั่งอันดามัน  

สภาพของพวกเขาอิดโรย ซูบผอม โดยนายซายิด อาลัม ผู้ประสานงานช่วยเหลือชาวโรฮิงญาในประเทศไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า “ตอนตี 1 ที่ผ่านมา เสียชีวิตไปแล้ว 30 คน”

“ตายแล้วก็โยนทิ้งทะเล สถานการณ์แย่ที่สุด อาหารหมด น้ำทะลักเข้าเรือ คนที่อยู่บนเรือก็ไม่มีแรงจากขาดอาหารและน้ำ” ซายิด เล่าถึงสถานการณ์ที่ญาติของชาวโรฮิงญาบนเรือ โทรศัพท์มาเล่าให้เขาฟัง 

“ถ้าไม่มีใครช่วยเหลือนะ เรือจะจมภายใน 2 วัน” และนั่นหมายความว่า ชาวโรฮิงญากว่า 200 ชีวิต จะจมน้ำเสียชีวิตอยู่นอกชายฝั่งไทย

บีบีซีไทยติดต่อศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 หรือ ศรชล. ภาค 3 ทื่ยืนยันว่า ได้รับทราบการพบเรือโรฮิงญาดังกล่าวแล้ว แต่อยู่ห่างจากชายฝั่งอาณาเขตของไทยกว่า 100 ไมล์ทะเล ทำให้เรือของ ศรชล. ภาค 3 ไม่มีศักยภาพพอจะเข้าไปตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือได้ จึงประสานต่อให้กองทัพเรือ ภาคที่ 3 รับทราบถึงสถานการณ์

บีบีซีไทยจึงติดต่อกองทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งยอมรับว่า ได้รับแจ้งเหตุพบเรือชาวโรฮิงญากลุ่มนี้แล้ว แต่อยู่นอกน่านน้ำอาณาเขตของไทย ตอนนี้ อยู่ในกระบวนการเฝ้าระวัง ยังไม่เข้าไปควบคุมตัว และยังไม่ได้นำอาหารเข้าไปช่วยเหลือ เพราะอยู่นอกน่านน้ำไทย จึงไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ

ตายดาบหน้า

ผู้ประสานงานโรฮิงญาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ชาวโรฮิงญาเหล่านี้ เป็นหนึ่งในชาวโรฮิงญาเกือบ 800 คน ที่เดินทางด้วยเรือ 4 ลำ (ลำละราว 200 คน) ออกจากบังกลาเทศ เพื่อหวังไปลี้ภัยในชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย

เรือ 2 ลำที่เดินทางถึงมาเลเซียก่อนหน้านี้ ถูกทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้ เรืออีก 1 ลำ ได้สูญหายไปในทะเลเมื่อไม่กี่วันก่อน ส่วนเรือลำที่ 4 ที่ลอยอยู่ใกล้ จ.ภูเก็ต ของไทย เดินทางจากบังกลาเทศมาได้ 20 วัน ตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. แล้ว ด้วยจุดหมายที่ไม่แน่ชัด

จากการประสานงานกับคนบนเรือสถานการณ์น่าเป็นห่วงเพราะมากกว่าครึ่งหนึ่งเริ่มเจ็บป่วยจากการขาดน้ำและอาหาร และตลอด 1 สัปดาหห์ที่เรือลอยลำอยู่ มีชาวโรงฮิงญาทยอยเสียชีวิตบนเรือจนถึงช่วงเช้าตรู่วันที่ 7 ธ.ค. แล้ว 30 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 60 – 70 คน ส่วนใหญ่ขาดน้ำและอาหาร

นายซายิด ระบุว่า อันที่จริง มีเรือที่เชื่อว่าเป็นทหารเรือไทย เดินทางเข้าไปติดต่อกับเรือผู้อพยพชาวโรฮิงญาเหล่านี้เมื่อ 2 วันก่อน พร้อมให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือ แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือชาวโรฮิงญาเหล่านี้

“น่าจะผลักดัน (ออกจากน่านน้ำไทย) มีเจ้าหน้าที่ไปคุยแล้ว แต่ขาไม่ช่วย… ทำไมโหดร้ายขนาดนี้ ไปเจอเขาแล้ว คุยกับเขาแล้ว” นายซายิด กล่าว พร้อมเสริมว่า ตอนนี้ ชุมชนชาวโรฮิงญาในไทยและทั่วโลก กำลังวิตกถึงชะตากรรมของผู้ลี้ภัยเหล่านี้

“คนรอตายอย่างเดียว ต้องรออำนาจเข้าไปช่วย… ผมว่า วันนี้ไม่มีใครไปช่วยเหลือนะ เรือจะจม”

ไทยพีบีเอสรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์ปฎิบัติการ ศรชล.ภาค 3 ได้รับรายงานจากไต๋เรือว่าพบเรือผู้อพยพลอยลำอยู่กลางทะเล จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

“ผมว่า วันนี้ไม่มีใครไปช่วยเหลือนะ เรือจะจม” ซายิด อาลัม

บีบีซีไทยถามว่า ทำไมชาวโรฮิงญาเหล่านี้ถึงต้องเสี่ยงตายออกจากศูนย์อพยพที่บังกลาเทศ, นายซายิด อธิบายว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้อพยพชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ เผชิญความยากลำบากอย่างมาก ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องอยู่แต่ในผืนผ้าใบมาหลายปี ซ้ำร้าย ยังเกิดปัญหายาเสพติดและแก๊งอิทธิพลภายในค่ายอีกด้วย

“อยู่อย่างทรมาน ลำบากสุด ๆ ตายเสียดีกว่า” จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโรฮิงญาพยายามข้ามน้ำข้ามทะเล เสี่ยงชีวิตไปลี้ภัยในต่างประเทศ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล และกองทัพเรือ เข้าช่วยกลุ่มชาวโรฮิงญา 59 คน ที่อยู่ในสภาพหิวโซ บริเวณเกาะดง ในเขตอุทยานทางทิศตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.

กลุ่มชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ กำลังอยู่บนเรือที่จะเข้ามาเลเซีย แต่เรือที่มาพร้อมกันถูกจับ เรือลำดังกล่าวกลัวความผิดจึงนำพวกเขามาลงไว้ที่เกาะโดยหลอกว่าเป็นประเทศมาเลเซีย

“กระบวนการวันนี้เรารู้แล้วว่าเริ่มจากพม่า (เมียนมา) และต้องการไปทำงานที่บังกลาเทศ เมื่อไปทำงานไม่ได้ก็ย้อนกลับมาที่มาเลเซีย” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ. ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร) ระบุ

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า พบว่าในกลุ่มชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ บางส่วนมีบัตรประจำตัวผู้ลี้ภัยขององค์กรสหประชาชาติ (UNHCR)

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวถึงการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าเรือดังกล่าว เดินทางพร้อมกับเรืออีก 2 ลำ รวมเป็น 3 ลำ มีทั้งเรือบังกลาเทศและมาเลเซีย ที่เดินทางมาจากเมียนมา จะไปบังกลาเทศ แต่เข้าบังกลาเทศไม่ได้ จึงหันกลับจะเข้ามาเลเซีย แต่เมื่อเข้ามาเลเซียก็ถูกทางการมาเลเซียจับกุม เรือ 2 ลำแรก มีรวม 199 คนถูกจับกุมไป ส่วนเรือลำที่ 3 เกิดความหวาดกลัวจึงนำชาวโรฮิงญามาทิ้งไว้ที่เกาะดังกล่าวในเขตของประเทศไทย โดยบอกกับลูกเรือโรฮิงญาว่าเป็นประเทศมาเลเซีย

ย้อนเหตุการณ์ระลอกผู้อพยพชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2558

เคยมีเหตุการณ์ระลอกผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่ผ่านน่านน้ำไทยครั้งใหญ่เมื่อปี 2558 ก่อนมีการขยายผลจนทางการไทยขุดค้นพบร่างชาวโรฮิงญาจำนวนหลายสิบศพบนเทือกเขาแก้ว จ.สงขลา ซึ่งถูกใช้เป็นค่ายสำหรับพักและกักขังชาวโรฮิงญาจากเมียนมาและบังกลาเทศ ก่อนส่งผ่านไปยังมาเลเซีย เมื่อปีเดียวกัน

การพบศพชาวโรฮิงญานำมาสู่การสอบสวนขยายผลไปสู่ขบวนการค้ามนุษย์ พบการเชื่อมโยงบุคคลทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น และนายหน้าจากเมียนมา โดยบุคคลสำคัญที่ถูกกล่าวถึงคือ พล.ท. มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ “โกโต้ง” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สตูล

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

“อยู่อย่างทรมาน ลำบากสุด ๆ ตายเสียดีกว่า” ซายิด อาลัม

คดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ โดยศาลตัดสินให้มีความผิด 62 ราย จากจำเลยทั้งหมด 103 ราย ในฐานความผิดต่างกัน อาทิ เป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมต่างชาติ, สมคบและร่วมกันค้ามนุษย์, นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร, รับและให้ที่พักคนต่างด้าว, ความผิดต่อเสรีภาพ, เรียกค่าไถ่ และทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 94 ปี

พล.ท. มนัสถูกตัดสินจำคุก 27 ปี ฐานมีส่วนในองค์กรอาชญกรรมข้ามชาติและความผิดฐานค้ามนุษย์ 3 คดี และยังพบอีกว่าการมีรับโอนเงินจากเครือข่ายค้ามนุษย์ราว 13 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อปี 2562 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาเพิ่มโทษจำคุก พล.ท. มนัสจาก 27 ปี เป็น 82 ปี โดยให้ได้รับโทษจริง 50 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุกฐานร่วมกันฟอกเงินอีก 20 ปี ที่อัยการแยกฟ้องคดีไว้ โทษจำคุก พล.ท. มนัส รวม 70 ปี

อย่างไรก็ตาม พล.ท. มนัส ได้เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันขณะถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯ เมื่อเดือน มิ.ย. 2564

คดีค้ามนุษย์ที่ทำให้หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนขอลี้ภัยในออสเตรเลีย

18 ก.พ. 2565 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หยิบประเด็นเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ซึ่งมี พล.ต.ต. ปวีณ เป็นอดีตหัวหน้าชุดทำคดี มาอภิปรายระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ทำให้ประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์และชะตากรรมของ พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญากลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

หลังการอภิปรายของนายรังสิมันต์ พล.ต.ต.ปวีณปรากฏตัวผ่านระบบวิดีโอออนไลน์ ยืนยันว่าสิ่งที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลพูด “คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง” และ “รู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่ง”

“วันนี้เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดวันหนึ่ง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ติดค้างคาอยู่ในใจ ที่สร้างความทุกข์ระทมขมขื่น ทั้งเครียด ทั้งกลัว สะท้อนจิตใจ นับตั้งแต่หลบหนีออกนอกประเทศไทย จนถึงวันนี้ นานถึง 6 ปี 6 เดือน 3 วัน จากการที่ผมปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล รวมถึงผู้มีอำนาจ” พล.ต.ต.ปวีณกล่าว

สตูล

สตูล

สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

Related Posts

Next Post

บทความ แนะนำ

No Content Available

Welcome Back!

Login to your account below

Create New Account!

Fill the forms below to register

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.