สลดใจ! พ่อพาลูกสาว 2 คนเดินเท้าจากสตูลมาระยองกว่า 1 พันกิโลเพื่อหางานทำ
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยปลวกแดง ว่าได้ช่วย พ่อกับลูกสาว 2 คน ที่พากันหอบหิ้วกันมาจาก จ.สตูล โดยจุดที่พบล่าสุดนั้น ได้เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า CK. ปลวกแดง หลังกู้ภัยทราบจึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ
ล่าสุดได้ที่พัก ได้งานทำและยังมีโรงงานแห่งหนึ่งทราบข่าวได้ประสานให้เด็กทั้ง 2 คนได้เข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณ ไซต์งานก่อสร้าง ซึ่งทราบว่าเป็นที่ทำงานของ พ่อสู้ชีวิต ที่ทางกู้ภัยได้ประสานให้ที่ทำงานไว้ เมื่อไปถึงพบว่าเป็นที่ก่อสร้างต่อเติมบ้านชั้นเดียว พบคนงานกำลังขุดดิน ขนทราย อยู่ในที่ทำงาน แต่ไม่พบตัวพ่อสู้ชีวิต เนื่องจากลางานเพราะโดนกระเบื้องบาดมือ
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายสราวุฒิ พุ่มมะริน อายุ 46 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยปลวกแดง คนที่ช่วยให้พ่อสู้ชีวิตได้ทำงาน ให้ข้อมูลว่า วันที่พบพ่อลูกนั้น เขาได้เดินทางมาถึง ห้าง CK.ปลวกแดง จากนั้นได้มีวินมอเตอร์ไซค์ที่ห้าง CK ซึ่งเป็นลูกข่ายของกู้ภัยปลวกแดง แจ้งมาว่าได้มี พ่อลูก เดินทางมาหางานทำโดยมากับลูกสาว 2 คน ตอนนี้ยังไม่มีที่พัก ยังไม่มีที่ทำงาน เมื่อทราบเรื่องจึงเดินทางไปรับมาพักที่ แคมป์คนงานก่อสร้าง หลังจากนั้นก็ได้ให้เขามาทำงานก่อสร้างด้วย จึงช่วยเหลือเขาเบื้องต้นได้เท่านี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังแคมป์ที่พักคนงาน ซึ่งอยู่ห่างออกไปจนถึงเขตรอยต่อ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เมื่อไปถึงพบเป็นแค้มป์คนงานสร้างมุงด้วยสังกะสี กั้นเป็นห้องๆ และได้ไปพบกับ นายนรภัทร สมาธิ อายุ 46 ปี ส่วนลูกสาวคนโตชื่อ น้อง โอเกะ อายุ 12 ปี น้องคนเล็กชื่อน้องมิวสิค อายุ 10 ปี ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพ่อสู้ชีวิตที่หอบลูกเดินเท้ามาไกลกว่าพันกิโลว่า ไปมายังไง
นายนรภัทร ให้ข้อมูลว่า แรกเริ่มก็ทำงานเป็นชาวประมงออกเรือไปจับปลา กับ ทำอาชีพ ร้องเพลงตามร้านอาหาร แต่ระยะหลังมางานไม่มีเลยกลัวว่าลูกจะไม่มีกิน จึงตัดสินใจพาลูกมาระยอง เพราะคิดว่าที่ระยองคงมีงานให้ทำ
ผู้สื่อข่าวสอบถามตอนอยู่สตูล อยู่กับใครแม่เด็กไปไหน นายนรภัทร ตอบอาศัยอยู่กับญาติ แต่เค้าไม่อยากให้อยู่ อยู่ไปก็อึดอัด ก็เลยพาลูกไปตายเอาดาบหน้า ส่วนแม่เด็กได้เลิกรากันไปนานหลายปีแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อ แล้วเดินทางมายังไง จากสตูลถึงระยองเพราะระยะทางมันไกลกว่าพันกิโล นายนรภัทร ตอบว่าใช้วิธีเดินเท้าบ้าง โบกรถบ้าง ถ้ามืดตรงไหนก็นอนตรงนั้น ส่วนใหญ่จะอาศัยข้าววัดกินประทังชีวิต
ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อว่าแล้วตัว นายนรภัทร เองมีความสามารถอะไร นายนรภัทร ตอบว่า มีความสามารถ ร้องเพลงก็อปปี้โชว์ เลียนแบบศิลปินต่างๆได้หลายคน ผู้สื่อข่าวจึงขอให้ แสดงให้ดู
นายนรภัทร จึงร้องเพลงเสียงก็อปปี้ ศิลปิน ติ๊กซีโร ให้ฟัง 1 ท่อน หลังจากฟังแล้วเสียงเพราะและเหมือนต้นฉบับมาก ต่อมาผู้สื่อข่าวทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ลูกสาวของ นายนรภัทร ก็มีความสามารถ ไม่ต่างจากพ่อ โดยตนโตน้องโอเกะร้องเพลงเก่ง ส่วนคนเล็กน้องมิวสิค ขับบทกลอน ทำนองเสนาะได้ไพเราะมาก
ผู้สื่อข่าวจึงให้น้อง มิวสิค ขับบทกลอนทำนองเสนาะชื่อเพลงรักษาป่า ให้ฟัง 1 บทเพลง ซึ่งขณะฟังแล้วหลับตาคิดว่าเพลงบทกลอนนั้นหลุดมากจาก ละครจักรๆวงศ์ๆ ซึ่งน้ำเสียงมีความกังวาลและไพเราะมาก
นายนรภัทร ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะที่กู้ภับปลวกแดงได้ช่วยเหลือจนเข้าที่เข้าทางแล้ว ส่วนอนาคตถ้าเป็นไปได้ก็อยากใช้ความสามารถตนเอง เข้าประกวดร้องเพลงเพื่อหาทุนการศึกษาให้ลูกได้เล่าเรียนต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสเลยต้องทำงานก่อสร้างไปก่อน ก็ต้องขอขอบคุณกู้ภัยปลวกแดงนะครับ ที่ได้เข้าช่วยเหลือเคสนี้ อย่างน้อยก็ยังให้เขาได้ตั้งหลักและมีชีวิตสู้ต่อไป