เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
“สุริยะ” สั่งการอุตสาหกรรมจังหวัด (อสจ.) ส่งวิศวกรลงพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ช่วยเหลือให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ประสบปัญหาเครื่องจักรหยุดชะงักให้สามารถกลับมาเดินเครื่องทั้งหมดเร็วที่สุด โดยคาดโรงงานจะระบายสต๊อกผลปาล์มที่ค้าง-ติดคิวได้ทุกโรงงานภายในเวลาอย่างช้าสุดไม่เกิน 3 วันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีสถานการณ์โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและลานเทในหลายจังหวัด หยุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุผลการหยุดซ่อมเครื่องจักร ทําให้ผลผลิตตกค้างเป็นจํานวนมาก และราคาผลปาล์มตกต่ำลงอย่างผิดปกติ ว่าได้สั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัดลงพื้นที่เพื่อสํารวจ ตรวจสอบ และช่วยเหลือโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มใน 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี นราธิวาส สงขลา พัทลุง ระนอง พังงา ปัตตานี และสตูล
ทั้งนี้ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับข้อสั่งการไปดําเนินการ และได้รับรายงานว่าสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมันที่ต่ำลง ส่วนหนึ่งมาจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มจํานวนหนึ่งหยุดดําเนินการในช่วงเทศกาลปีใหม่นานกว่าปกติ ส่งผลให้มีผลผลิตปาล์มค้างหรือติดคิวอยู่ที่ลานเทและที่โรงงาน ซึ่งอาจทําให้ผลปาล์มที่ค้างอยู่บางส่วนมีคุณภาพต่ำและมีความเป็นกรดสูง จึงทําให้อาจมีราคาต่ำลง ขณะที่ประเด็นการซ่อมเครื่องจักร จากการตรวจสอบล่าสุด (16 ม.ค. 66) พบว่า โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทั้งหมดภาคใต้ จํานวน 83 โรงงาน มีกําลังการผลิตรวม 3,532.80 ตัน/ชั่วโมง พบว่าภายหลังจากที่ให้มีการขอความร่วมมือให้เปิดดําเนินการ มีเพียงเครือบริษัทเดียวที่มีโรงงานอยู่ทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ยังยืนยันที่จะปิดซ่อมบํารุงเครื่องจักรในช่วงนี้ ส่งผลให้กําลังการผลิตรวมของโรงงานสกัดน้ำมันที่เปิดเดินเครื่องอยู่ 3,487.80 ตัน/ชั่วโมง (ร้อยละ 98.83 )
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า “กระทรวงอุตสาหกรรมตระหนักว่าเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่เกษตรกร ผมจึงได้สั่งการให้สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจัดส่งวิศวกรลงพื้นที่เพื่อเร่งช่วยเหลือให้โรงงานที่เครื่องจักรประสบปัญหาให้สามารถดําเนินการได้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด รวมทั้ง กําชับโรงงานว่าหากมีแผนซ่อมบํารุงรักษาเครื่องจักรก็ขอให้เลื่อนแผนการบํารุงรักษาออกไปก่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่เกษตรกร สําหรับความสามารถการจัดการผลปาล์มที่ค้างหรือติดคิว จากการหารือระหว่างสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มล่าสุด (17 มกราคม 2566) พบว่าโรงงานมีความสามารถระบายสต๊อกผลปาล์มที่ค้างหรือติดคิวได้ทุกโรงงาน โดยคาดว่าจะใช้เวลาดําเนินการอย่างช้าสุดไม่เกิน 3 วัน”
“ผมขอความร่วมมือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่การปลูก การแปรรูป และการตลาด ซึ่งช่วงนี้เกษตรกรเดือดร้อน ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของภาครัฐ ผู้ประกอบการ สามารถช่วยกันได้ก็ขอให้ช่วยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มภาคใต้ด้วยกัน” นายณัฐพลกล่าว