เผยแพร่:
ปรับปรุง:
“พาณิชย์” เผยราคาผลปาล์มดิบขึ้นต่อเนื่อง หลัง “จุรินทร์” ประสานผู้ว่าฯ ในจังหวัดแหล่งเพาะปลูกเข้าไปตรวจสอบกรณีราคาดิ่งวันเดียว 2 บาท ล่าสุดดีดตัวขึ้นสูงสุดกิโลกรัมละ 6 บาทแล้ว พร้อมส่งสายตรวจเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบต่อเนื่อง ดูแลช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด ย้ำใครกดราคาเล่นงานหนัก โทษคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาผลปาล์มดิบในจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาล่าสุดรับซื้อต่ำสุดที่กิโลกรัม (กก.) ละ 5.30 บาท และสูงสุดรับซื้อ กก.ละ 6.00 บาทแล้ว ซึ่งเป็นผลดีจากการที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ให้เข้าไปกำกับดูแลและตรวจสอบการซื้อขายผลปาล์มดิบ และสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดออกไปตรวจสอบดูแลการซื้อขายอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการกดราคารับซื้อผลปาล์มดิบ โดยราคาลดลงวันเดียวถึง กก.ละ 2 บาท
สำหรับราคารับซื้อผลปาล์มดิบ เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ณ วันที่ 4 มี.ค. 2564 ในจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้ มีดังนี้ จ.กระบี่ รับซื้อ กก.ละ 5.60-6.00 บาท, จ.ชุมพร 5.30-5.90 บาท, จ.พังงา 5.30-5.85 บาท, จ.สุราษฎร์ธานี 5.50-6.00 บาท, จ.สตูล 5.70 บาท, จ.ตรัง 5.20-5.80 บาท, จ.นครศรีธรรมราช 5.70-5.90 บาท, จ.ระนอง 5.50 บาท และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5.30-5.90 บาท
“ขณะนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันเริ่มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะออกมากขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. 2564 เป็นต้นไป นายจุรินทร์ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในส่งสายตรวจเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายผลปาล์มดิบของโรงงานในแหล่งผลิตภาคใต้ และตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรด้วยการกดราคารับซื้อ และให้พาณิชย์จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกตรวจสอบการซื้อขายอย่างใกล้ชิด และกำชับให้มีการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน พร้อมเข้าไปกำชับเกษตรกรดูแลผลผลิตให้มีคุณภาพ ตัดปาล์มสุกขาย เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มที่สูงขึ้น และขายผลผลิตได้ราคาดีขึ้น” นางมัลลิกากล่าว
อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบพบพฤติกรรมการฉวยโอกาสกดราคารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยไม่เป็นธรรม หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนในการซื้อขาย ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 29 ในทันที โดยมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ