ลองสวมวิญญาณนักสำรวจเพื่อเข้าไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของถ้ำที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลกซึ่งอยู่ในจังหวัดสตูลของเรานี่เอง การค้นพบถ้ำภูผาเพชร เกิดขึ้นเมื่อนักโบราณคดีของสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ 10 จังหวัดสงขลาได้เข้าสำรวจบริเวณถ้ำตามคำเล่าของพระธุดงด์นามว่า “หลวงตาแผลง” ที่ได้ค้นพบถ้ำแห่งนี้ ครั้นได้ทำการสำรวจเสร็จสิ้น ได้พบหลักฐานทางโบราณคดีที่สันนิษฐานได้ว่า ถ้ำภูผาเพชรแห่งนี้น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว โดยมีการพบกระดูกมนุษย์ยุคโบราณส่วนกระโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ ที่ก้นภาชนะมีเปลือกหอยยึดเกาะ และหลังจากนั้นเป็นต้นมาได้มีการพัฒนาให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิดหน้าชูตาของจังหวัด โดยความอัศจรรย์ภายในถ้ำแห่งนี้ปรากฏผ่านหินงอกหินย้อย ที่มีประกายระยิบระยับตระการตาดูคล้ายเกล็ดเพชรมากมาย ภายในถ้ำนั้นจัดสรรแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ มากถึง 20 ห้อง มีสะพานไม้เป็นทางเดินตลอดถ้ำและติดตั้งไฟส่องสว่าง โดยห้องที่น่าสนใจ อาทิเช่น – ห้องภูผาเพชร ถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของถ้ำเลยทีเดียว ด้วยหินงอกหินย้อยภายในห้องนี้มีประกายเหมือนเกล็ดเพชรระยิบแวววาว เมื่อกระทบกับแสงไฟจะแลดูสวยงามวิจิตรตระการตาเกินคำบรรยาย – ห้องแสงมรกต อยู่ลึกด้านในสุดของถ้ำ โดยมีลักษณะเด่นตรงที่เพดานถ้ำบริเวณนั้น เป็นช่องปล่อง เปิดให้แสงธรรมชาติสาดลอดลงมากระทบกับหินงอกหินย้อยที่มีสีเขียว จึงทำให้ลานห้องแห่งนี้กลายเป็นสีเขียวมรกตสวยงามแปลกตา โดยแสงจะลอดผ่านปล่องเป็นลำแสงสวยงามในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน เวลาประมาณ 15.00-15.20 น. ถือเป็นไฮไลท์ที่ใคร ๆ ก็อยากมาสัมผัส – ห้องม่านเพชร มีลักษณะคล้านผ้าม่านแขวนเป็นหลืบซ้อนกัน – ห้องพญานาคมีหินงอกต่อตัวกันคล้ายงูใหญ่หรือพญานาค – ห้องปะการังมีหินงอกหินย้อยคล้ายประการังในทะเล นอกจากนี้ หากสังเกตจากประเภทของหินงอก (Stalagmite) ก็จะมีชื่อต่าง ๆ ตามรูปทรงที่พบเห็นมีมากถึง 31 แบบ ได้แก่ ดอกเห็ด ซุ้มประตู หัวแหวนเพชร สายน้ำเพชร หัวพญานาค พญานาคปรก เศียรพระ ดอกบัวคว่ำ ส่วนประเภทหินย้อย (Stalactite) ก็มีทั้งหมด 4 แบบได้แก่ แบบรูปร่างคล้ายโดม แบบแมงกระพรุน และแบบม่าน สำหรับประเภทเสาหิน (Column in cavern) ซึ่งเป็นส่วนของหินงอกและหินย้อยมาบรรจบกันกลายเป็นรูปเสาค้ำถ่อเพดานถ้ำ ถ้ำนี้ก็มีมากถึง 14 แห่ง และประเภทเสาหินยังมีลักษณะต่าง ๆ กันโดยมีชื่อเรียกว่าเสาเพชรหรือเสาหินย้อยหรือเสาค้ำสุริยัน ส่วนบ่อขั้นบันไดนั้นก็มีลักษณะเหมือนชายน้ำตกหินปูนที่เป็นชั้น ๆ เหมือนขั้นบันได ซึ่งภายในถ้ำภูผาเพชรมี 5 แห่ง แต่ละแห่งพบในแบบที่มีรูปทรงต่างกัน อาทิเช่น แบบขั้นบันได แบบอ่าง แบบเวทีคอนเสิร์ต การเดินชมภายในนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย เนื่องจากเพดานถ้ำสูงโปร่ง และยังมีการสร้างสะพานไม้ช่วยให้เดินได้สะดวกขึ้น การเที่ยวที่ถ้ำแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ช่วงที่จะสามารถเห็นลำแสงลอดผ่านโพรงถ้ำในห้องแสงมรกตนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน เวลาประมาณ 15.00-15.20 น. ทั้งนี้แล้วแต่สภาพอากาศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ลุงนิล ผู้นำชมถ้ำ โทร. 092 889 5563