สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ยังสูงที่ 2,041 คน และมียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 31 คน ทำให้หลายพื้นที่ต้องเพิ่มความเข้มงวด ตรวจเชิงรุกเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน อย่างในพื้นที่ตะเข็บชายแดนภาคใต้ทั้ง 5 จังหวัด ทั้งจังหวัดสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส ที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ต้องใช้มาตรการเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งลาดตระเวน การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นขึ้น และการขอความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศมาเลเซียยังรุนแรง ประกอบกับมีการแจ้งเตือนของ ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภูวรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yung Poovorawan ว่าการพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียยังไม่น่ากลัว เพราะเป็นการพบในสถานที่กักกัน แต่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ น่ากลัวกว่า เพราะเป็นการระบาดมาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีโอกาสเข้ามาทางพรมแดนธรรมชาติสูง หากข้ามาได้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้วัคซีนลดลง ทำให้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น
ขณะที่ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง พบว่า ตัวเลขผู้ที่เดินทางกลับประเทศของคนไทยในมาเลเซีย ทั้งหมดตั้งแต่ในห้วงวันที่ 18 เมษายน 2563 – วันที่ 2 พฤษภาคม 2564 ทั้งผ่านด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก, ด่านเบตง, ด่านสะเดา, ด่านวังประจัน, ด่านตำมะลัง ทั้งเข้าเมืองแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 30,563 คน
ขณะที่ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ลงทะเบียนผ่านเข้ามาเพียง 3 ด่าน อย่างสะเดามียอดแจ้งเข้าจำนวน 43 คน, ด่านสุไหงโก-ลก 9 คน และด่านพรมแดนเบตงอีก 14 คน
ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่จะเดินทางกลับ ให้เข้ามาในช่องทางที่ถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ในไทย