ความจริงความคิดเปิดประเทศไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยขายฝันจะเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน นับจากวันที่แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ในวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเหลืออีกเพียงแค่ 2 วัน ก็จะครบเส้นตายที่นายกรัฐมนตรี เคยประกาศไว้ ลองย้อนกลับไปฟังคำแถลงในครั้งนั้นกัน…
แต่หลังจากแถลงไปเพียงวันเดียวคนในรัฐบาลก็ออกมาแก้ข่าวกันจ้าละหวั่น เช่น นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุให้นับวันเริ่มต้น 120 วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งก็จะไปครบกำหนดชนวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่นายกรัฐมนตรี เพิ่งมีคำประกาศเปิดประเทศรอบใหม่พอดิบพอดี
ตามแผนนายกฯ วางไว้ว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 10 ชาติ ที่มีความเสี่ยงต่ำเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม มีคิวเปิดให้ดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม เพื่อโกยเงินในช่วงไฮซีซัน ก้าวสู่การเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่
หากย้อนดูการเตรียมพร้อมเปิดประเทศ รัฐบาลเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่หลังคำประกาศรอบแรกของนายกรัฐมนตรี โดยแบ่งเป็น 4 ระยะคือ ระยะที่ 1 ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สมุย พลัสโมเดล และโครงการ 7+7 Phuket Extention เริ่มไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตามด้วย 15 กรกฎาคม ที่เกาะสมุย และโครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 7+7 (กระบี่และพังงา) ที่ผู้เดินทางที่อยู่ภูเก็ต อย่างน้อย 7 คืน จะเดินทางไปยังกระบี่ พังงา เพื่อพักต่ออีก 7 คืน ได้โดยไม่ต้องกักตัว และในปัจจุบันภูเก็ต คลายล็อกให้นักท่องเที่ยวดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้แล้ว
ระยะที่ 2 เดิมกำหนดเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม นำร่อง 5 จังหวัด ประกอบด้วยกรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ แต่ยังขาดความพร้อมทั้งวัคซีนและสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคที่ยังน่าห่วงทำให้ต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน
ระยะที่ 3 ที่วางไว้ รัฐบาลตั้งใจจะเปิดต่ออีก 21 จังหวัด ประกอบด้วยภาคเหนือ จังหวัดลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงราย สุโขทัย ภาคอีสาน จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี ภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ภาคกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง สตูล สงขลา
ระยะที่ 4 จะเริ่มเดือนมกราคม ปีหน้า ในการเปิดพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนเพื่อนบ้านอีก 13 จังหวัด จับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกันหรือที่เรียกว่า “Travel Bubble” ซึ่งทั้ง 4 ระยะ จะเปิดรับนักท่องเที่ยว รวม 43 จังหวัด
แผนเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน ของนายกรัฐมนตรี จึงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่เลื่อนจากกำหนดเดิมมาปัดฝุ่น จุดกระแสสร้างความเชื่อมั่นกับสังคมอีกรอบ ซึ่งครั้งนี้ภาคเอกชน หวังว่าจะสื่อสารกับประชาชนให้เกิดความชัดเจน ที่สำคัญมาตรการที่ออกมาต้องไม่สับสน โดยต้องถอดบทเรียนจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ด้วย
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เชื่อว่าหากเดินหน้าได้เต็มระบบตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ เชื่อว่าจะฉุดเศรษฐกิจให้ GDP กลับมาเติบโตได้ 1% ขณะเดียวกันยังห่วงปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องเงินบาทที่อ่อนรวดเร็ว อาจทำให้ต้นทุนบางอย่างสูงขึ้น น้ำมันราคาแพง สินค้าอุปโภค บริโภค มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ จึงอยากให้รัฐบาลเตรียมรับมือกับเรื่องเหล่านี้ด้วย