นับถอยหลังเปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องกักตัว 1 พ.ย. นี้ ส่อง 8 จังหวัดท่องเที่ยว ฉีดวัคซีนไปถึงไหนแล้ว ?
วันที่ 13 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ที่รวบรวมตัวเลขการได้รับวัคซีนโควิด-19 สะสม ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 10 ตุลาคม จากระบบฐานข้อมูล (MOPH Immunization Center) ของจังหวัดหรือพื้นที่นำร่องเมืองท่องเที่ยว ตามแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ พบว่า ตัวเลขสัดส่วนการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ที่มีสัดส่วนสูงมีอยู่เพียง 2-3 จังหวัดเท่านั้น
ยกตัวอย่าง จังหวัดภูเก็ต มีประชากร 547,584 คน มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 437,157 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 79.8% ส่วนเข็ม 2 จำนวน 414,250 คน หรือ 75.7%
ขณะที่กรุงเทพฯ ประชากร 7.69 ล้านคน ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 7.88 ล้านคน หรือ 102.4% ส่วนเข็ม 2 ฉีดไปแล้ว 4.69 ล้านคน หรือ 61.0%
ชลบุรี ประชากร 2.05 คน ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 1.46 ล้านคน หรือ 71.2% ส่วนเข็ม 2 ฉีดไปแล้ว 1.01 ล้านคน หรือ 49.6%
ส่วนจังหวัดอื่น ๆ หากพิจารณาลงไปในรายละเอีดจะพบว่า สัดส่วนการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ยังมีสัดส่วนที่ไม่สูงนัก ไม่ว่าจะเป็น กระบี่ ประชากร 503,537 คน ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 203,599 คน หรือ 40.4% เข็ม 2 ฉีดไปแล้ว 155,186 คน หรือ 30.8%
พังงา ประชากร 286,338 คน ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 161,662 คน หรือ 56.5% ขณะที่เข็ม 2 ฉีดไปแล้ว 137,516 คน หรือ 48.0%
ประจวบคีรีขันธ์ ประชากร 578,093 คน ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 281,350 คน หรือ 48.7% ส่วนเข็ม 2 ฉีดไปแล้ว 216,602 คน หรือ 37.5%
เพชรบุรี ประชากร 502,826 คน มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 268,270 คน หรือ 53.4% ส่วนเข็ม 2 มีจำนวน 198,616 คน หรือ 39.5%
ส่วนเชียงใหม่ ประชากร 1.73 คน มีผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 772,293 คน หรือ 44.7% ส่วนเข็ม 2 จำนวน 531,445 คน หรือ 30.7% เป็นต้น
- ฉีดครบ 32% ก็เปิดประเทศได้ ความเสี่ยงที่ต้องยอมรับ
-
เช็กความพร้อมจังหวัดท่องเที่ยว 4 เฟส ก่อนเปิดประเทศ มีที่ไหนบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลนำร่องการเปิดประเทศที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ก่อนจะเริ่มเปิดพื้นที่พื้นที่นำร่องอื่น ๆ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ได้แก่
- สุราษฎร์ (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า
- พังงา (เขาหลัก เกาะยาว)
- กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก)
ต่อมาในวันที่ 26 กันยายน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) เฟส 1 ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งใช้เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจ เป็นเมืองหลักหรือจังหวัด ที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด มี 10 จังหวัด ได้แก่
- กรุงเทพมหานคร
- กระบี่ (ทั้งจังหวัด)
- พังงา (ทั้งจังหวัด)
- ประจวบคีรีขันธ์ (ตำบลหัวหิน หนองแก)
- เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ
- ชลบุรี (พัทยา อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่)
- ระนอง (เกาะพยาม)
- เชียงใหม่ (อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า)
- เลย (เชียงคาน)
- บุรีรัมย์ (เมือง)
ขณะที่เฟส 2 จะเปิดทั้งหมด 20 จังหวัด ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ ตราด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส
โดยใช้เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจเป็นเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยมีสินค้าการท่องเที่ยว ด้านศิลปวัฒนธรรม และเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน
สุดท้ายคือเฟสที่ 3 จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บีงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี และ สตูล เริ่มเปิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยใช้เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจจังหวัด ที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน