ชาวบ้านบ่อเจ็ดลูก ม.1 ต.ปากน้ำ และต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล ออกหาหอยท้ายเภาตามชายหาดกาสิงห์ ปีนี้ราคาดีพุ่งสูงถึง 700 บาท โดยทำรายได้รายละ 2,500-5,000 บาท แต่ต้องจับแบบเชิงอนุรักษ์ ห้ามใช้คราด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณชายหาดกาสิงห์ ต.ปากน้ำ และ ต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล ที่มีชายหาดต่อเนื่องกันช่วงระหว่างปลายเดือนธ.ค.-มี.ค.ของทุกปีจะมีชาวบ้านออกมาหาหอยท้ายเภาเป็นรายได้เสริม เนื่องจากเป็นฤดูกาลของหอยท้ายเภา ซึ่งเป็นหอยที่มีราคาแพง แพที่รับซื้อแต่ละแห่งรวมกันจะได้น้ำหนักเป็นตันเลยทีเดียว ความนิยมของหอยท้ายเภาเพราะเนื้อมาก รสหวาน นิยมทำหอยอบโหระพา ผัดฉ่า แกง ผัดน้ำมันหอย และอีกหลากหลายเมนู ซึ่งเป็นเมนูที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ราคาอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท โดยปีนี้หอยท้ายเภาสูงกว่าทุกปี หน้าแพรับซื้อจากชาวบ้าน กก.ละ 550 บาท ส่งเข้ากทม.กก.ละ 700 บาทเลยทีเดียว
นายอิสแนน กองบก ชาวบ้านที่นำเรือออกไปงมหาหอย กล่าวว่า การหาหอยท้ายเภาจะเริ่มหาช่วง 14-3 ค่ำ เพราะน้ำทะเลจะลงต่ำ ทำให้งมหาได้ง่าย โดยการนั่งเรือออกไปประมาณ 1 กม. แล้วดำลงไปหารูหอย ซึ่งจะมี 2 รูใกล้ๆ กัน จากนั้นใช้ตะขอเหล็ก 2 ง่ามเจาะลงไปในทรายและงัดเอาหอยออกมา ช่วงนี้ชาวบ้านจะมีรายได้จากการหาหอย ปีนี้ได้ราคาดี คนดำน้ำหาเก่งๆ มีรายได้วันละ 4-5 พันบาท แต่คนที่หาส่วนใหญ่จะอยู่ที่วันละ 2,500-5000 บาท ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ชาวบ้านที่ออกหาหอยท้ายเภา กล่าวต่อว่า กติกาของหมู่บ้านในการอนุรักษ์หอยท้ายเภาคือต้องดำหาหอยด้วยตัวเปล่า มีแค่อุปกรณ์การหากับแว่นตาเท่านั้น ห้ามใช้คราด หรือถังออกซิเจนหรืออุปกรณ์ช่วยในการดำน้ำต่างๆ ใช้วิถีชุมชน และห้ามเก็บหอยตัวเล็ก ขนาดที่เก็บได้ไม่เกิน 28 ตัว/กก. หากตัวใหญ่ๆ จะตกอยู่ที่ตัวละ 50 บาท ชาวบ้านจึงไม่อยากกินนำไปขายได้เงินดีกว่า
ด้าน นางฟาริดา ทุมมาลี เจ้าของแพรับซื้ออาหารทะเล กล่าวว่า ปีนี้ราคาหอยท้ายเภาสูงสุดเท่าที่ตนรับซื้อมา ราคารับซื้อจากผู้หา 550 บาท ราคารับซื้อต่อจากแม่ค้าอีกที กิโลกรัมละ 620 บาท และส่งไปกทม.จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 700 บาท หอยท้ายเภาเข่งเดียวราคา 15,000 บาท สำหรับราคาที่แพงเนื่องจากหอยท้ายเภามีรสชาติหวาน นุ่ม ไม่เหนียวเหมือนหอยชนิดอื่น และกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว.