ภาพรวมโควิดไทยยังสูงเกินหมื่นต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ วันนี้ติดเชื้อ 1.8 หมื่นราย กทม.ติดสูง 3.4 พันราย 45 จังหวัดติดเชือ้เกินร้อยราย พบเด็กหญิง 10 ขวบดับจากโควิด พบมีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS ไม่ได้ฉีดวัคซีน
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ถึงหลักหมื่นรายเป็นวันที่ 14 นับจากการระบาดระลอก 1 ม.ค. 2565 โดยรายงานติดเชื้อ 18,066 ราย สะสม 2,674,477 ราย หายป่วย 12,511 ราย สะสม 2,502,323 ราย เสียชีวิต 27 ราย สะสม 22,565 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 149,589 ราย มีอาการหนัก 755 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 182 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 27 ราย มาจาก 18 จังหวัด ได้แก่ กทม. 8 ราย , ปราจีนบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ ปทุมธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เพชรบูรณ์ แพร่ กำแพงเพชร นครสวรรค์ ลำปาง ชุมพร ยะลา สตูล สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี ชลบุรี และระยอง จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 18 ราย หญิง 9 ราย อายุ 10-90 ปี เฉลี่ย 73 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 100% สำหรับเด็กหญิงอายุ 10 ปี ไม่ได้ฉีดวัคซีน มีโรคประจำตัวกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS
ส่วน 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 3,458 ราย 2.สมุทรปราการ 957 ราย 3.ชลบุรี 811 ราย 4.นครศรีธรรมราช 750 ราย 5.นนทบุรี 596 ราย 6.ภูเก็ต 534 ราย 7.นครปฐม 479 ราย 8.นครราชสีมา 479 ราย 9.สมุทรสาคร 478 ราย และ 10.ปทุมธานี 397 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 35 จังหวัด คือ ราชบุรี 393 ราย , บุรีรัมย์ 337 ราย , ระยอง 331 ราย , ฉะเชิงเทรา 302 ราย , ชัยภูมิ 292 ราย , เชียงใหม่ 291 ราย , พระนครศรีอยุธยา 276 ราย , สุราษฎร์ธานี 267 ราย , กาฬสินธุ์ 257 ราย , ร้อยเอ็ด 257 ราย , ขอนแก่น 245 ราย , สระบุรี 241 ราย , กาญจนบุรี 240 ราย , สุรินทร์ 233 ราย , สุพรรณบุรี 230 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 193 ราย , ลพบุรี 176 ราย , สงขลา 168 ราย , อุบลราชธานี 165 ราย , พิษณุโลก 154 ราย , มหาสารคาม 154 ราย , พัทลุง 153 ราย , ปราจีนบุรี 143 ราย , เพชรบุรี 129 ราย , อุดรธานี 127 ราย , หนองบัวลำภู 125 ราย , กระบี่ 123 ราย , กำแพงเพชร 118 ราย , นครสวรรค์ 118 ราย , ศรีสะเกษ 116 ราย , หนองคาย 114 ราย , นราธิวาส 112 ราย , เพชรบูรณ์ 105 ราย , สกลนคร 103 ราย และชุพร 101 ราย ส่วนวันนี้ไม่มีจังหวัดใดที่ติดเชื้อหลักหน่วย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 83 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 168 ราย ใน 39 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น รัสเซีย 42 ราย , กัมพูชา 21 ราย , เยอรมนี 10 ราย , สิงคโปร์ 9 ราย , เดนมาร์ อิสราเอล ประเทศละ 6 ราย อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน คาซัคสถาน ประเทศละ 5 ราย เป้นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 80 ราย แซนด์บ็อกซ์ 57 ราย ระบบกักตัว 30 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 1 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-17 ก.พ. 2565 จำนวน 111,920 ราย รายงานติดเชื้อ 3,042 ราย คิดเป็น 1.01% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 63,202 ราย ติดเชื้อ 636 ราย คิดเป็น 5.26% แซนด์บ็อกซ์ 41,783 ราย ติดเชื้อ 2,197 ราย คิดเป็น 3.01% และกักตัว 6,935 ราย ติดเชื้อ 209 ราย คิดเป็น 2.72%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 17 ก.พ. ฉีดได้ 221,920 โดส สะสมรวม 120,924,813 โดส เป็นเข็มแรก 52,956,901 ราย คิดเป็น 76.1% ของประชากร เข็มสอง 49,357,630 ราย คิดเป็น 71% ของประชากร และเข็มสาม 18,610,282 ราย คิดเป็น 26.8% ของประชากร