ตัวแทนชาวมานิ ยอมรับว่า ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจถึงความสำคัญของวัคซีนโควิด-19 หลังทุกคนในหมู่บ้านไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะเชื่อมั่นวิธีป้องกันตัวเอง ตั้งแต่การก่อไฟผิงฆ่าเชื้อ หากินเฉพาะในป่า และไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าหมู่บ้าน
วันนี้ (26 ส.ค2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบแรกจนถึงปัจจุบัน ชาวมานิ หมู่บ้านวังนา หมู่ 10 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล ที่มีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 81 คน ปฏิเสธฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่มีวิธีการป้องกันตัวเอง ด้วยการแยกกันสร้างบ้าน ออกเป็น 3 กลุ่ม บนที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ พร้อมตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่เปิดรับนักท่องเที่ยว และหากินเฉพาะภายในป่าเท่านั้น
นายไข่ ศรีมะนัง ตัวแทนชาวมานิ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่มาเชิญชวนให้ฉีดวัคซีน แต่ชาวมานิไม่กล้าและขอปฏิเสธ โดยเลือกใช้วิธีจัดการกับโรคร้ายตามความเชื่อ ด้วยการก่อไฟผิง เพราะเชื่อว่าสามารถไล่โรคร้ายได้ และใช้วิธีไม่ให้บุคคลภายนอก หรือชาวมานิกลุ่มอื่น เข้าไปภายในหมู่บ้าน เพื่อป้องกันเชื้อโควิดอีกทางหนึ่ง
นายคนึง จันทร์แดง หนึ่งในผู้ที่ชาวมานิให้การนับถือ และเป็นคนกลางสื่อสารระหว่างภาครัฐกับชาวมานิ ยอมรับว่า ต้องให้เวลาทำความเข้าใจกับชาวมานิ หากจะให้เข้าถึงวัคซีน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ หากไม่มีตัวอย่างหรือไม่เชื่อมั่น ก็จะไม่ยอมรับวัคซีน
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูลจะได้รับการจัดสรรวัคซีนในช่วงเดือน ก.ย.2564 จึงอยากให้ชาวมานิ มาลงทะเบียนรับวัคซีน เพราะแม้จะยังไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มมานิ แต่การรับวัคซีนเป็นสิทธิ์ที่ต้องได้รับจากสวัสดิการของรัฐ และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน
ปัจจุบันชาวมานิ 150 คน กระจายมีอยู่ 3 กลุ่ม อาศัยในพื้นที่ อ.มะนัง อ.ควนกาหลง และ อ.ละงู ซึ่งที่ อ.ละงู เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด