เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
สตูล – ชาวบ้านไม่เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจหลังขับรถไล่จับผู้ต้องสงสัยเพราะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขณะที่ตำรวจชี้แจงทำงานตามกรอบและหน้าที่ ที่ขับรถไล่ตามเหตุจากมีคนแจ้งเบาะแสของรถต้องสงสัยเกี่ยวข้องยาเสพติด เมื่อพบแล้วจึงเรียกให้จอดแต่คนขับได้พยายามหลบหนี ยืนยันดำเนินคดีอย่างแน่นอน
วันนี้ (1 ก.ค.) จากกรณีที่สายตรวจ สภ.ละงู วิ่งไล่รถกระบะผู้ต้องสงสัยที่ขับหนีตำรวจและมาจอดในหมู่บ้าน จนกระทั่งชาวบ้านหลายคนต่างออกกันมาส่งเสียงดังโวยวาย ยื้อแย่งผู้ต้องสงสัยและส่งเสียงดังใส่ตำรวจ เพื่อที่จะสอบถามการปฏิบัติหน้าที่ หลังเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายมนตรี (ผู้ต้องสงสัย) ด้วยการสวมกุญแจมือ ว่าสาเหตุอะไรที่ได้มาจับกุมในครั้งนี้ ก่อนจะปลดกุญแจมือผู้ต้องสงสัยออก โดยเหตุเกิดขึ้นในหมู่ที่ 18 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพบกับ นางยุภาวดี หมาดหวัง อายุ 35 ปี พี่สาวของนายมนตรี (ผู้ต้องสงสัย) ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่พบเห็น เพราะเมื่อวานนี้เห็นภาพตำรวจไล่ล่ารถกระบะคันหนึ่งซึ่งเป็นรถกระบะของน้องชายตนอย่างไม่ลดละ ขับไล่บี้เหมือนในหนัง โดยในช่วงนั้นเป็นจังหวะที่เด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียน ชาวบ้านคนแก่เดินไปมาบนท้องถนน ซึ่งเป็นถนนแคบภายในหมู่บ้าน มีบางรายต้องหลบรถเจ้าหน้าที่ลงไปข้างทาง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ อยากจะสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหากเกิดอันตรายของผู้ใช้เส้นทางใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ มองแล้วนี้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
โดยการจับกุมน้องชายครั้งนี้ตำรวจบอกแค่เพียงว่า ทำผิดฐานไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เรื่องแค่นี้ทำไมถึงต้องไล่ล่าจับเหมือนไปฆ่าคนตาย พี่สาวก็ยอมรับว่าน้องชายของตนดื่มน้ำกระท่อม ส่วนยาเสพติดอย่างอื่นมีหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ น้องชายตนก็ยอมรับว่าวันเกิดเหตุมีเพียงกระท่อมหนึ่งมัดเท่านั้นที่อยู่ภายในรถ แต่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อหานี้แต่อย่างใด จึงทำให้ชาวบ้านสงสัยและงงต่อการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน นายอนัน สาหมีด อายุ 56 ปี พ่อของนายมนตรี (ผู้ต้องสงสัย) ยอมรับว่า ความรู้สึกเมื่อวันนั้นของชาวบ้านและตนมองว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ เพียงเพราะสาเหตุที่ตำรวจได้บอกกับชาวบ้านว่าบุตรชายตนไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ทำไมถึงต้องใส่กุญแจมือในเมื่อเป็นความผิดแค่นั้น พวกตนจึงเห็นว่าไม่ควรจะต้องใส่กุญแจมือและควรจะพูดกันดีๆ ไม่ใช่วิธีการจับกุมในลักษณะนี้ซึ่งเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และยอมรับว่าที่ไม่ยอมให้นำตัวลูกชายตนไปคุยที่โรงพักเพื่อตรวจฉี่นั้น เกรงว่าลูกชายจะถูกยัดยาเสพติดจากเจ้าหน้าที่ เพราะไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจ
ล่าสุด พ.ต.อ.สิทธิพงษ์ หัสรังษี ผกก.สภ.ละงู ได้เชิญผู้นำชุมชนท้องที่และท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา มาพูดคุยและทำความเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่า เป็นการทำงานไปตามกรอบกฎหมาย ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุหรือกันแกล้งประชาชนแต่อย่างใด
โดยจากกรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดในบริเวณดังกล่าว จึงได้จัดส่งรถเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ลงพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกัน 4 นาย พบรถกระบะมีพิรุธตามที่ได้รับแจ้งจึงพยายามเรียกให้หยุดรถ แต่รถยนต์กระบะคันดังกล่าวไม่หยุดและขับไปด้วยความเร็วสูงในลักษณะนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เปิดไซเรนและบีบแตรเป็นระยะเพื่อให้รถหยุด แต่รถก็ไม่หยุดจนผู้ต้องสงสัยไปจอดรถภายในบริเวณบ้านของญาติตัวเองและพยายามวิ่งหลบหนีไป ระหว่างนั้นก็โยนสิ่งของซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นยาเสพติดลงข้างทาง โดยขณะควบคุมตัวได้ไม่มีญาติพี่น้องของผู้ต้องสงสัยประมาณ 40-50 คนมาล้อมและพยายามจะปกป้องผู้ต้องสงสัยดังกล่าว ตำรวจประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าอาจจะคุยกันไม่เข้าใจและเกิดเรื่องบานปลายได้ จึงยอมปล่อยตัวชั่วคราวไปก่อน
จากนั้นทางตำรวจได้เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องของตำรวจ และกล้องจากคลิปที่เผยแพร่ทางสื่อโซเชียลจากฝั่งชาวบ้าน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีอย่างน้อยถึง 3 ข้อหา โดยไม่สามารถจะให้ข้อมูลกับสื่อได้ในขณะนี้ว่ามีข้อหาอะไรบ้าง แต่ขอยืนยันว่าการทำงานเป็นไปตามกรอบและหน้าที่ ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งประชาชนแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องสงสัยมีประวัติเคยถูกจับกุมมาแล้ว 2 ครั้งในคดียาเสพติด
โดยหลังจากนี้จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และเรียกผู้ต้องสงสัยมารับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการและขั้นตอนต่อไป