วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2024

มาตรการรับมือโควิด-19 ของไทยเปลี่ยนไปอย่างไร หลัง 1 มิ.ย. – BBC News ไทย

ไทยจะยกเลิกมาตรการกักตัวหลังเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 มิ.ย.

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

ไทยจะยกเลิกมาตรการกักตัวหลังเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 มิ.ย.

นับจากวันที่ 1 มิ.ย. ประเทศไทยจะเข้าสู่ระลอกใหม่ของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่อนคลายความตึงเครียดลง

มาตรการด้านสาธารณสุขชุดใหม่ เป็นไปตามมติของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เมื่อ 20 พ.ค. ให้ผ่อนปรนกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังปรับระบบการทำงานใหม่เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้นอย่างช้า 1 ก.ค. นี้

บีบีซีไทยสรุปทุกความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจาก 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ภายใต้มาตรการ “5 เลิก 2 ยืด 1 เปิด”

1. เลิกรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวัน

การรายงานสถานการณ์โควิด-19 ของไทย จะปรับจากระบบปัจจุบันที่รายงาน “จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน” เป็นการรายงาน “จำนวนผู้ป่วยรายวัน” โดยเน้นผู้ป่วยที่มีอาการและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการหนัก ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้เสียชีวิต และอัตราการครองเตียงกลุ่มผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง

สธ. ให้เหตุผลว่า ยอดการติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเข้าสู่ระยะเริ่มการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในวันที่ 1 มิ.ย.

“การรายงาน RT-PCR รายวันจะไม่มีแล้ว จะปรับเป็นผู้ป่วยที่มีอาการต้องอยู่โรงพยาบาลอย่างเดียว ฐานการรายงานควรเป็นผู้ป่วย ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อแล้ว” นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าว

ภายในสัปดาห์นี้ นพ.จักรรัฐยังบอกด้วยว่า สธ. เตรียมพิจารณาปรับระดับเตือนภัยโรคโควิด-19 จากระดับ 3 เป็นระดับ 2

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

สำหรับข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ชุดสุดท้ายที่ ศบค. รายงานวันนี้ (31 พ.ค.) ก่อนปรับระบบการรายงานใหม่ พบว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 3,955 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมนับจากปี 2563 อยู่ที่ 4,450,457 ราย และยอดผู้หายป่วยสะสม 4,380,577 ราย

ในบรรดาผู้ป่วยทั้งหมด มีอยู่ 39,861 รายที่กำลังรักษาตัวอยู่ภายใน รพ./รพ.สนาม พบว่า 880 รายมีอาการหนัก ในจำนวนนี้มี 435 รายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่ในรอบ 24 ชม. มี 21 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตสะสมนับจากปี 2563 จำนวน 30,019 ราย

สำหรับพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมตลอดปีนี้ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 3.58 แสนคน, ชลบุรี 1.09 แสนคน, สมุทรปราการ 9.87 หมื่นคน นครศรีธรรมราช 7.78 หมื่นคน และนนทบุรี 7.07 หมื่นคน

2. เลิกตรวจ ATK ปชช. ทั่วไป

ในขณะที่การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่ต้องทำใน รพ. เท่านั้น กำลังจะถูกยกเลิกการรายงานผลต่อสาธารณะ มีคำถามตามมาทันทีว่าแล้วการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ที่ประชาชนสามารถตรวจได้เอง หรือเข้ารับการตรวจที่ รพ./สถานพยาบาล โดยมีใบรับรองแพทย์ให้ ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ เพราะบางองค์กรหรือการเข้าร่วมบางกิจกรรม ร้องขอให้ประชาชนแสดงผลตรวจ ATK

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

มีคำอธิบายจาก ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

  • พนักงานสถานบริการ : ต้องตรวจ ATK เป็นประจำทุกสัปดาห์
  • ผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ดูแลเด็กเล็ก : ควรตรวจ ATK เป็นประจำทุกสัปดาห์
  • ประชาชนทั่วไป : ให้ตรวจ ATK เฉพาะกลุ่มที่อาการป่วยเท่านั้น เช่น ไข้ ไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ หอบเหนื่อย “ต่อไปบรรดาบริษัทสถานประกอบการไม่ต้องตรวจประจำสัปดาห์แล้ว”

3. เลิกกักตัวกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง

ศบค. ยังให้ปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยยกเลิกการกักตัวของกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จากเดิมให้กักตัว 5 วัน และสังเกตุอาการตัวเองต่ออีก 5 วัน เปลี่ยนเป็นให้สังเกตุอาการตัวเองทั้ง 10 วัน ไม่ต้องกักตัว และให้ตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง หมายถึง

  • ผู้ที่ไม่สวมหน้ากาก หรือไม่ได้ใส่ชุด PPE ตามมาตรฐานตลอดช่วงเวลาที่มีการสัมผัสผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อโควิด-19
  • ผู้ที่ใกล้ชิด พูดคุยกับผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระยะ 2 เมตร นานกว่า 5 นาที หรือถูกไอตามรดจากผู้ป่วย ตั้งแต่ 2-3 วันก่อนเริ่มมีอาการป่วย หรือขณะมีอาการ
  • ผู้ที่อยู่ในสถานที่ปิด ไม่มีอากาศถ่ายเทมากนัก ร่วมกับผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อโควิด-19 นานกว่า 30 นาที

ศบค. ระบุว่า ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงสามารถไปทำงานได้ แต่ให้แยกพื้นที่กับผู้อื่น, งดไปสถานที่สาธารณะ, งดร่วมกิจกรรมกับคนจำนวนมาก และงดใช้ขนส่งสาธารณะที่หนาแน่น

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

4. เลิกพื้นที่ควบคุมทั้งแผ่นดิน

ศบค. ประกาศปรับพื้นที่โซนสีใหม่ตั้งแต่ 1 มิ.ย. โดยยกเลิกพื้นที่ควบคุมทุกประเภท แล้วเหลือเพียง 3 สีเท่านั้น

การกำหนดโซนสีต่าง ๆ ของ 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย มีผลต่อการกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุข ข้อห้าม ข้อแนะนำ ในการดำเนินกิจการ/กิจกรรมของแต่ละพื้นที่

5. เลิกกักตัวคนเข้าประเทศ-ชาวไทยไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass

ไทยกำลังจะเข้าสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศครั้งใหม่ โดยยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศ

การปรับมาตรการนี้จะมีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. จากเดิมกำหนดให้ชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าราชอาณาจักรต้องลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) เปลี่ยนเป็นยกเลิกการลงทะเบียนในส่วนของคนไทย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังต้องลงทะเบียนตามเดิม

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

อย่างไรก็ตามมีการปรับรูปแบบใหม่ให้สะดวกขึ้น โดยลดเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นลงทะเบียนลงเหลือเพียง 3 รายการ เพื่อออก QR Code ได้แก่ เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ, เอกสารกรมธรรม์ประกันภัย-ประกันสุขภาพ ที่มีวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และหนังสือเดินทาง

อย่างไรก็ตามผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ก็สามารถเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว เพียงแค่แสดงผลตรวจ RT-PCR หรือ Professional ATK ภายใน 72 ชม. ก่อนเดินทาง หรือหากไม่มีผลตรวจก่อนเดินทาง สามารถรับการตรวจได้เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย

วันนี้ (31 พ.ค.) ศบค. เปิดเผยข้อมูลการลงทะเบียนเดินทางเข้าราชอาณาจักรผ่านไทยแลนด์พาส ในรอบเดือนที่ผ่านมา (29 เม.ย.-30 พ.ค.) พบว่า มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 777,852 ราย อนุมัติแล้ว 754,963 ราย

6. เปิดสถานบริการ บาร์ อาบอบนวด

บรรดาสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ที่ปิดให้บริการมานานกว่า 2 ปีนับจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังจะได้กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งตามมติ ศบค. แต่อนุญาตเฉพาะสถานประกอบการที่อยู่ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) รวม 31 จังหวัด ภายใต้ข้อปฏิบัติ ดังนี้

  • จำกัดเวลาในการขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น.
  • งดบริการเครื่องดื่มที่มีการใช้แก้วร่วมกัน
  • งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • พนักงานของสถานบริการ (พนักงาน นักร้อง นักดนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง) ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว และต้องตรวจ ATK ทุก 7 วัน
  • พนักงานที่ให้บริการคลุกคลีและสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า ต้องสวมหน้ากาก เช่น อาบอบนวด
  • ประชาชนผู้รับบริการ ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
  • ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปึขึ้นไป สตรีมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว 8 โรคเสี่ยง) แนะนำให้งดหรือหลีกเลี่ยงการใช้บริการ
  • สถานบริการที่เปิดให้บริการ ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ก่อน

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ในส่วนของ กทม. สถานประกอบการต้องลงทะเบียนและประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2Plus (TSC 2+) และขออนุญาตก่อนเปิดดำเนินการ โดยสถานประกอบการต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบควบคุมกำกับการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และมาตรการทางกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยมีสำนักงานเขตเป็นผู้ประเมินเพื่อพิจารณาอนุญาต และคอยตรวจ กำกับ ติดตามสถานประกอบการ

7. ยืดเวลาถอดหน้ากากอนามัยต่อไป

ท่ามกลางกระแสข่าว สธ. เตรียมเสนอให้ ศบค. พิจารณายกเลิกการสวมใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ในเดือน มิ.ย. นี้ ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าววันนี้ (31 พ.ค.) ว่า “ช่วงนี้ใส่ไว้ก่อนดีกว่า”

สอดคล้องกับความเห็นของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ปรารภในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 30 พ.ค. ว่า ขอให้แจ้งเตือนไปยังประชาชน ให้เห็นถึงความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัยที่ยังเป็นพฤติกรรมที่ยังสำคัญและจำเป็นอยู่ ขณะนี้รัฐบาลไม่มีนโยบายให้ถอดหน้ากาก

ก่อนหน้านี้ สธ. เคยออกมาส่งสัญญาณตั้งแต่เดือน มี.ค. ว่า หากสถานการณ์ดีขึ้น อาจพิจารณาผ่อนปรนได้บางพื่นที่ เช่น สวนสาธารณะ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ต่อมานายอนุทินเองก็กล่าวเมื่อ 29 พ.ค. ว่า “ปัจจุบันก็ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องใส่หน้ากากอนามัย แต่เรามั่นใจว่าทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงได้เอง” แต่ถึงกระนั้นเขาย้ำว่า สธ. ยังแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัย เพราะไม่ได้แค่ป้องกันโควิด แต่ยังช่วยป้องกันโรคอื่น ๆ ด้วย

8. ยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รอบที่ 18

แม้มาตรการป้องกันโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะค่อย ๆ ได้รับการผ่อนคลายลงตามลำดับ แต่ ศบค. ยังขยายเวลาการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือน (1 มิ.ย.-31 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นการต่ออายุ “กฎหมายพิเศษ” ออกไปเป็นครั้งที่ 18

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ให้เหตุผลในการยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า “เพื่อให้สอดรับกับการก้าวเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น”

สตูล

สตูล

สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

Related Posts

Next Post

บทความ แนะนำ

No Content Available

Welcome Back!

Login to your account below

Create New Account!

Fill the forms below to register

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.