ศบค.ยกระดับล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 13 จว. จากเดิม 10 จว. พร้อมสนธิกำลังทหาร-ตำรวจ ตั้งด่านเข้มรอบชายขอบ 24 ชั่วโมง สกัดคนพื้นที่แดงเข้มออกนอกพื้นที่ พร้อมสั่งหน่วยงานรัฐ WFH 24 ชั่วโมง ขณะที่เอกชนขอความร่วมมือปฏิบัติเช่นเดียวกัน หวังคุมการระบาดโควิด-19 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (ศบค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 19 ก.ค.64 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 11,784 คน เสียชีวิต 81 คน สะสม 415,170 คน ขณะที่สถานการณ์การฉีดวัคซีนนั้นฉีดแล้วสะสมทั้งสิ้น 14 ล้านโดส เป็นเข็มแรก 10.85 ล้านราย และเข็มสอง 3.4 ล้านราย สำหรับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) มีสาระสำคัญ คือ ขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็น 13 จังหวัด จากเดิม 10 จังหวัด โดยเพิ่ม พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และใช้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็ง บนเส้นทางหลัก/รอง โดยรอบพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ตลอด 24 ชั่วโมง โดยด่านชายขอบ เช่น สมุทรสงคราม ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ระยอง ด่านทางใต้ จังหวัดโดยรอบ ประกอบด้วย พัทลุง สตูล นครศรีธรรมราช โดยผู้ที่จะออกนอกพื้นที่ จะไม่ได้รับความสะดวก และจะต้องดำเนินการ 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1.การแสดงหลักฐานการอนุญาตต่อเจ้าพนักงาน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ตำรวจ เป็นต้น 2.ผู้เดินทางจะต้องดาวน์โหลดแอฟไทยชนะ และ 3.ลงทะเบียนในเว็บไซต์โควิด-19.in.th (http://covid-19.in.th) นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย 1.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านจำหน่าย อาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยห้ามบริโภคในร้าน และให้ดำเนินการเฉพาะการนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น 2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดให้บริการได้เฉพาะแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์ พื้นที่ซึ่งจัดให้เป็นการให้บริการฉีดวัคซีน หรือ บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นๆ ของภาครัฐ โดยให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. 3.โรงแรม ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติ โดยให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา หรือการจัดเลี้ยง 4.ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อ ซึ่งตามปกติให้บริการในช่วงเวลากลางคืน ให้ปิดให้บริการ ในระหว่างเวลา 20.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น 5.โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่างๆให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้ ด้านการดำเนินการของโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ธุรกิจสื่อสารคมนาคม ไปรษีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online) ยังคงเปิดดำเนินการได้ตามความจำเป็น โดยให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน โดยให้เป็นไปตามข้อห้ามและข้อยกเว้นตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24) โดยให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดการอบรม สัมมนา หรือการประชุมโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก โดยการปฏิบัติงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สั่งการให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรในความรับผิดชอบดำเนินการ Work Form Home ขั้นสูงสุดเต็มจำนวน และมุ่งเน้นการปฏิบัติงานหรือจัดกิจกรรมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากที่สุด เพื่อลดจำนวนและจำกัดการเคลื่อนย้ายเดินทางของบุคคล ส่วนภาคเอกชน จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรปฏิบัติตามมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน เพื่อให้บรรดามาตรการต่างๆที่กำหนดขึ้น เพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยเฉพาะการลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางของบุคคล สามารถเกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ขอให้แต่ละจังหวัดไปดูพื้นที่ต่างๆ ทั้งตลาดสด ร้านสะดวกซื้อที่เกิดขึ้น หากมีการติดเชื้อไม่เป็นไปตามข้อกำหนด และผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ขอให้แต่ละจังหวัดสั่งปิดได้ ตามเหตุผลและความจำเป็น”นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว |