ผู้ว่าฯ สตูล สั่งล็อกดาวน์เมืองห้ามประชาชนเข้า-ออกข้ามเขตพื้นที่ เริ่ม 3-30 เม.ย.นี้ เว้นเพื่อรักษาพยาบาลสกัดไวรัสโคโรนาขั้นสูงสุด หลังยังไม่พบผู้ป่วย COVID-19
วันนี้ (2 เม.ย.2563) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดสตูล ลงมติที่ปประชุมครั้งที่ 8 /2563 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา มีคำสั่งห้ามประชาชนเดินทางเข้า–ออก ข้ามเขตพื้นที่ จ.สตูล เว้นแต่เพื่อประโยนช์ในการรักษาพยาบาลการทำปลอดภัยจากเชื้อโรค ป้องกันเชื้อโรค การขนส่งสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น หากใครฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะมีความผิดมาตรา 52 แห่งพระราชญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาททั้งจำทั้งปรับ เริ่มตั่งแต่วันที่ 3 เม.ย. นี้
ทั้งนี้ในจ.สตูล ยังสถานการณ์ COVID-19 ยังคงเป็นศูนย์ไม่มีผู้พบเชื้อ โดยทางจังหวัดยังคงใช้มาตรการเข้มทุกจุด
เริ่ม 3-30 เม.ย.ฝ่าฝืนมีโทษปรับ-จำคุก
สำหรับคำสั่งจังหวัดสตูล ที่ 1/20/2563 เรื่องมาตรการระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบุดังนี้ โดยที่สถานการณ์ปัจจุบันซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างรุนแรงในประเทศไทย และจังหวัดที่มีพื้นที่ติตต่อกับจังหวัดสตูลมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้ออยู่เป็นจำนวนมาก
ขณะนี้จ.สตูลยังไม่มีผู้ป่วย แต่หากยังมีการเดินทางข้ามเขตจังหวัดโดยไม่มีความจำเป็น จะทำให้การแพร่เชื้อของโรคแผ่ขยาย ลุกลามเพิ่มมากยิ่งขึ้น จะนำมาซึ่งความเสียหายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรง
ดังนั้นเพื่อเป็นการระงับยับยั้งความเสียหายร้ายแรงที่จะเกิดแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคคิดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7(1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1 )
ผู้ว่าฯสตูล โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสตูล ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 8/2563 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.นี้ จึงมีคำสั่งห้ามประชาชนเดินทาง เข้า – ออก ข้ามเขตพื้นที่จังหวัดสตูล เวันแต่เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาล การทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค การป้องกันโรค การขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภค-บริโภค อุปกรณ์เครื่องมือเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ยานพาหนะเพื่อการกู้ชีพ กู้ภัยฉุกเฉิน รถพยาบาล และยานพาหนะของทางราชการ หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคเป็นกรณีไป ทั้งนี้ผู้ได้รับการยกเว้นต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด
หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะมีความผิตตามมาตรา แห่งพระราชบัญญัติโรคคิตต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และหรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปืหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.-30 เม.ย.นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน! นายกรัฐมนตรี สั่งปิดเมืองสกัดโรค 2-15 เม.ย.นี้
สมุทรสงครามพบป่วย COVID-19 คนแรก เร่งสอบสวนโรคคนใกล้ชิด