เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 65 เวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า หนองปลักพระยา-เขาระยาบังสา (นกน้ำ) ตำบลฉลุง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล พบตำรวจในที่เกิดเหตุกำลังตรวจสอบรถยนต์เก๋งต้องสงสัยจอดภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงเย็นยังไม่มีการขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
พันตำรวจเอกประสิทธิ์ ดำกระบี่ ผู้กำกับ สภ.ฉลุง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร ทันทีที่ตำรวจเข้าตรวจสอบในช่วงเย็นที่ผ่านมา พบว่ารถยนต์ เก๋งสีบรอนซ์ สตูล จอดแน่นิ่งตามที่ได้รับแจ้งจริง
จึงทำการตรวจสอบด้านใน มองผ่านกระจกพบชายนอนนิ่งจึงทำการเคาะประตู ก็ไม่ได้รับการตอบรับจึงช่วยกันวัดกระจก พบว่าบุคคลดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว เป็นชาย อายุ 36 ปี เป็นชาวตำบลควนกาหลง อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล เบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบรถยังมีการเปิดสวิตช์ทำงานของเครื่องยนต์และ บริเวณด้านหลังรถเก๋งคันดังกล่าว พบเตาอั้งโล่ อยู่บริเวณด้านหลัง ทำให้ปักใจเชื่อได้ว่ามีการใช้เพื่อรมควันจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในดังกล่าว
ผู้ที่พบเห็นเป็นคนแรก บอกว่า ตนจะมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในเขตห้ามล่าฯ อยู่เป็นประจำ โดยเจ้าหน้าที่ในเขตห้ามล่าฯ บอกว่า ให้ตนช่วยไปดูบริเวณโค้งด้านในเขตห้ามล่าฯ ว่ามีรถต้องสงสัยนอนจอดแน่นิ่งตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงป่านนี้ยังไม่มีการขยับเขยื้อนลดทันทีที่ไปดูก็พบว่ารถคันนี้ผิดสังเกตจริง ๆ จึงได้ขอเรียกจนถึง 3 ครั้งแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตู พยายามตะโกนเรียกก็ไม่ได้รับการตอบรับจึงได้เข้าแจ้งต่อตำรวจ สภ.ฉลุงให้เข้ามาตรวจสอบ
จากการสอบถามผู้เป็นพ่อในที่เกิดเหตุถึงสาเหตุการเสียชีวิตบุตรชาย บอกว่า ผู้ตายเป็นบุตรคนกลางจากทั้งหมด 3 คน โดยได้รับข่าวจากบุตรสาวซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯบอกให้รีบเดินทางมาที่นกน้ำ ซึ่งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ พร้อมเล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันได้ให้บุตรชายไปซื้อ ATK ให้หลานเพื่อตรวจโควิดก่อนไปโรงเรียน ก็ยังไม่มีอาการบ่งชี้หรือลางร้ายแต่อย่างใด
จากนั้นผู้ตายได้บอกกับคนในครอบครัวว่า จะออกไปซื้ออุปกรณ์ให้กับฟาร์มหมูที่เลี้ยงไว้จำนวน 500 ตัวของผู้ตายเอง ตั้งแต่ช่วงเวลา 8:00 น จากนั้นทางครอบครัวก็ติดต่อผู้ตายไม่ได้อีกเลย จนตกตอนเย็นก็มาพบว่าเป็นศพในที่สุด
พ่อผู้ตาย ยังเล่าด้วยว่า วันนี้ที่จริงแล้วลูกจะต้องบินขึ้นไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อที่จะไปเตรียมเข้าพิธีแต่งงาน ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งพ่อเองก็ได้โอนเงินจำนวน 50,000 บาทไปให้ทางฝั่งฝ่ายเจ้าสาวในวันนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน ก็ไม่มีอะไรเป็นลางบอกเหตุ ถึงความไม่พอใจพี่จะเข้าพิธีแต่งงาน โดยเจ้าสาวซึ่งก็เป็นคุณครูที่จ.ตรัง และเป็นคนร้อยเอ็ด ก็เป็นคนเลือกเอง ซึ่งเขาก็คบหาดูใจกันมาหลายปี และเพิ่งจะหมั้นหมายเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา
โดยสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชายในครั้งนี้ คุณพ่อ ไม่ได้ติดใจว่าเป็นการฆาตกรรม เพราะลูกชายเป็นบุคคลที่คนในหมู่บ้านรัก และไม่เคยมีเรื่องราวหรือปัญหากับใคร และมองว่าอาจจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของงานแต่งงาน ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ ถึงไม่ยอมเดินทางขึ้นไปในวันนี้
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่