เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อาเซียนจับมือออสเตรเลีย เปิดโครงการ Portcullis 2021 ด้วยการจัดตั้งชุดปฏิบัติการร่วมด้านยาสูบผิดกฎหมายอาเซียน-ออสเตรเลีย (ASEAN-Australia Task Force on Illicit Tobacco) เพื่อปราบปรามการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและเบาะแสเกี่ยวกับการขนส่งสินค้ายาสูบผิดกฎหมาย เพื่อให้สามารถชี้เป้าการกระทำความผิดได้แม่นยำยิ่งขึ้น และให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้มากขึ้นด้วย
การลักลอบนําเข้าและขายผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมายเป็นปัญหาระดับโลก และมีรายงานว่ารายได้จากการลักลอบขายสินค้ายาสูบผิดกฎหมายเหล่านี้ถูกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับหลายๆ ประเทศ แนวทางการระดับภูมิภาคที่ครอบคลุมจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนในอาเซียนและออสเตรเลีย
ความร่วมมือผ่านโครงการนี้จะช่วยให้หน่วยงานศุลกากรของประเทศสมาชิกสามารถเฝ้าระวังตู้สินค้าต้องสงสัยที่ขนส่งระหว่างประเทศทั้งทางบกและทางทะเลได้ครอบคลุมจำนวนที่มากขึ้น ผ่าน ‘ระบบแจ้งเตือน’ (Alert Notification System) ที่ออกแบบโดยคณะทํางานด้านการบังคับใช้และการปฏิบัติตามกฎระเบียบศุลกากรอาเซียน (หรือ ASEAN Customs Enforcement and Compliance Working Group CECWG)
โครงการ Portcullis 2021 ซึ่งริเริ่มโดย CECWG ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง โดยตลอดเดือนมิถุนายนที่มีปฏิบัติการอย่างเข้มข้นโดยได้รับการแจ้งเบาะแสมากกว่า 50 ครั้ง ซึ่งนําไปสู่การจับกุมยึดบุหรี่เถื่อนในภูมิภาคได้มากกว่า 19 ล้านมวน
สำหรับในประเทศไทย ซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียน ยังคงร่วมมือกับอาเซียนเพื่อดําเนินการตอบโต้ป้องกันการลักลอบนำเข้ายาสูบผิดกฎหมายในภูมิภาค เพราะสถานการณ์การค้าบุหรี่หนีภาษีในประเทศก็กำลังเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น จากการที่กระทรวงการคลังขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่อย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ
ก่อนหน้านี้การยาสูบแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยข้อมูลว่าปัจจุบันคนหันไปสูบบุหรี่หนีภาษีกันมากขึ้นถึงร้อยละ 29 ปัจจุบันบุหรี่ถูกกฎหมายเกือบทั้งหมดในประเทศไทยมีราคาซองละ 60 บาท ขณะที่บุหรี่หนีภาษีมีราคาเริ่มต้นเพียงซองละ 20 บาทเท่านั้น และเส้นทางลักลอบหลักส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แนวชายแดนโดยเฉพาะภาคใต้ ในจังหวัดระนอง ตรัง สงขลา สตูล และพัทลุง โดยอาจลักลอบผ่านเข้ามาทางเรือ ดังข่าวการจับกุมบุหรี่หนีภาษีล็อตใหญ่ที่จังหวัดตรังในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
วันเดียวกัน นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 นายจรูญ ราชกิจจา ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ สรรพสามิตพื้นที่สงขลา นายจำแลง บัวสงค์ ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบป้องกันและปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ต่างประเทศล็อตใหญ่หลายยี่ห้อจำนวน 371,500 ซอง มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท
นายยุทธนากล่าวว่า บุหรี่ดังกล่าวถูกนำมาเก็บไว้ภายในโกดังไม่มีเลขที่ ในต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบมีการลักลอบนำบุหรี่เถื่อนเข้ามาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก คาดว่าลักลอบขนมาทางเรือและต้นทางอาจจะนำมาจากประเทศเวียดนาม เตรียมกระจายส่งขายตามท้องตลาดภาคใต้ เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลที่มาที่ไปและผู้ที่ลักลอบนำบุหรี่เถื่อนเข้ามา