เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ทางหลวงชนบทเผยก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู อ.ละงู จ.สตูล เชื่อมเกาะสู่แผ่นดินใหญ่คืบหน้า 22% เร็วกว่าแผน คาดเสร็จปี 65 ช่วยให้ประชาชนเดินทางสะดวกมากขึ้น
นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทช.ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู อำเภอละงู จังหวัดสตูล งบประมาณในการก่อสร้าง 291 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนบนเกาะบ้านสุไหงมูโซ๊ะ ให้สามารถเดินทางเชื่อมระหว่างเกาะกับบนฝั่งแผ่นดินใหญ่บ้านตันหยงละไน้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วปลอดภัย
ปัจจุบันงานก่อสร้างมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่า 22% เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งคานคอนกรีตอัดแรงรูปตัวไอ งานวางแผ่นพื้นสำเร็จรูปและงานก่อสร้างเสาเข็มเจาะฐานรากช่วงกลางน้ำ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจากที่จังหวัดสตูลขอให้ ทช.พิจารณาสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู เนื่องจากจังหวัดสตูลได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนบ้านสุไหงมูโซ๊ะ หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล ว่าหมู่บ้านมีสภาพพื้นที่เป็นเกาะตั้งอยู่ใกล้กับบ้านตันหยงละไน้ หมู่ที่ 1
บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ยังไม่มีถนน-ไฟฟ้า ทำให้การเดินทางระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่เป็นไปด้วยความยากลำบาก การเดินทางด้วยเรือต้องอาศัยจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลและเสี่ยงภัยคลื่นลมในช่วงมรสุม
โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู อำเภอละงู จังหวัดสตูล ได้ก่อสร้างสะพานแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 1,320 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนคอนกรีตต่อเชื่อมยาว 1,742 เมตร ขนาด
2 ช่องจราจรไป-กลับ บริเวณบ้านตันหยงละไน้ ถึงบ้านสุไหงมูโซ๊ะ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปโรงพยาบาลเมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรืออพยพประชาชนในกรณีเกิดภัยพิบัติในอนาคต ส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางการเกษตรและประมงให้แก่ประชาชนในพื้นที่
ช่วงระหว่างการก่อสร้าง ทช.จะจัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนจำนวน 4 ครั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด
นอกจากนี้ ในส่วนของที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้พื้นที่สำหรับดำเนินโครงการ โดย ทช.ได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีมติเห็นชอบ จากนั้นคณะรัฐมนตรีจึงได้เห็นชอบให้โครงการใช้ประโยชน์ในเขตป่าชายเลนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่อไป