++
อลหม่านบ้านทรายทอง หลัง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีดีอีเอส ,ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยคมนาคม และณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีศึกษาธิการ ต้องพ้นตำแหน่ง จากคำพิพากษาของศาลอาญา สั่งจำคุกในคดี กปปส. ชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เสี่ยต่อ กับซุ้มบุรีรัมย์ แนบแน่นมายาวนาน
เท่ากับเก้าอี้รัฐมนตรีว่าง 3 ตำแหน่ง ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ “สึนามิ กปปส.” ก่อให้คลื่นลมปั่นป่วนทั้งในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาล
ส.ส.พลังประชารัฐ 90 คน ลงชื่อในหนังสือมอบอํานาจให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค มีอำนาจตัดสินใจ คัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่าง
นัยว่า ธงการเคลื่อนไหวหนนี้ มิเพียงแค่เรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ หากแต่ยังหวังให้เกิดการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพราะแกนนำค่าย พปชร.บางกลุ่ม ต้องการริบเก้าอี้รัฐมนตรีมาจากค่ายประชาธิปัตย์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถามนักข่าวสั้นๆ กรณีข่าวจัดสรรเก้าอี้ใหม่ว่า “..ตามหลักการ ควรจะจัดสรรโควตารัฐมนตรีเท่าเดิม เหมือนตอนที่ขอร่วมรัฐบาล”
ฉะนั้น เช้าวันที่ 25 ก.พ.2564 นักข่าวประจำกระทรวงสาธารณสุข จึงเห็นภาพ “เสี่ยต่อ”
เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาพบปะพูดคุยกับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยมี “เสี่ยตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ปชป.ร่วมพูดคุยอยู่ด้วย
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ “เสี่ยต่อ” มาขอรับประทานอาหารเช้าร่วมกับ “เสี่ยหนู” ที่กระทรวงสาธารณสุข ในสถานการณ์ปรับ ครม.รอบใหม่ กำลังอลวนอลเวง
++
ดีลเก่าเขย่าซ้ำ
++
“นกมีขน คนมีเพื่อน” นี่คือลักษณะพิเศษของ “เสี่ยต่อ” จึงถูก “กัปตันอู๊ดด้า” เลือกมาเป็นเลขาธิการพรรค ในสถานการณ์พิเศษ
ถ้ายังจำกันได้ ก่อนตั้งรัฐบาลประยุทธ์ เวอร์ชั่นมาจากการเลือกตั้ง ที่ร้านทีเฮ้าส์ พระราม 6 “เสี่ยหนู” และ “เสี่ยต่อ” ได้นัดรับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2562 โดยเสี่ยหนู โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ทำงานกันอยู่นะครับ ไม่ได้มากินกันเฉยๆ ตามที่ได้พูดไว้ทุกอย่าง”
เวลานั้น เป็นห้วงเวลาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยภูมิใจไทย ขอ 3 เก้าอี้ คมนาคม ,สาธารณสุข และท่องเที่ยว ส่วนประชาธิปัตย์ ขอจอง 2 เก้าอี้ พาณิชย์ และเกษตรฯ
“ลุงป้อม” ก็ตัดสินใจยาก เพราะบรรดา “ขาใหญ่” ใน พปชร. ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย
เสี่ยหนู กับเสี่ยโอ๋ แกนนำหลักของค่ายสีน้ำเงิน
เบื้องหลังการถ่ายทำฉาก “เสี่ยหนู-เสี่ยต่อ” ในร้านอาหารคือ “เสี่ยต๊ง” มนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ มือทำงานของเสี่ยต่อ และเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับ “นายใหญ่โรงโม่” บุรีรัมย์ มานานปี
นักข่าวทุกสำนักได้รับข่าวแจกเรื่องการรวมตัว “ขั้วที่ 3” ของภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ รวม 103 เสียง(จำนวน ส.ส.ในเวลานั้น)
ผู้วางแผนจัดฉาก “ขั้วที่ 3” ก็คือ “นายใหญ่บุรีรัมย์” ที่ต้องการเบรกเกมการต่อรองตำแหน่งจาก “กลุ่มสามมิตร” และอีกหลายซุ้ม ในค่ายพลังประชารัฐ ว่าอย่ามาแตะกระทรวงที่ 2 พรรคได้จองเอาไว้
ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย” กับ “เพื่อนเนวิน” ได้เริ่มสัมพันธ์กันมาตั้งแต่สมัยที่ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย และศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นประธานคณะทำงานรัฐมนตรีมหาดไทย
“เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ได้รับมอบหมายจาก “เนวิน” ไปดำเนินการขยาย “สาขาพรรค” ในภาคใต้ เริ่มต้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ยันสตูล เสี่ยโอ๋ ต้องการดึง “เสี่ยต่อ” มาปักธงสีน้ำเงินที่ภาคใต้ตอนบน ประสานกับ “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ ยึดฝั่งอันดามัน
ตอนนั้น มีข่าวลือว่า ทีมเสี่ยต่อจะย้ายจาก ปชป.มาภูมิใจไทย แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้ย้าย ทั้งกลุ่มยังอยู่พรรคเดิม แต่ก็มีใจผูกพันกันตามประสานกมีขน คนมีเพื่อน
++
ปชป.ป่วน
++
คณิตศาสตร์การเมืองในชั่วโมงนี้ พรรคภูมิใจไทย มีจำนวน ส.ส.รวม 61 คน เป็นอันดับ 2 รองจากพรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ที่มี 121 คน ขณะที่ ปชป.มีจำนวน ส.ส.เหลือเพียง 51 เสียงเท่านั้น
เดิมพรรคภูมิใจไทย มีรัฐมนตรี 7 คน 8 ตำแหน่ง จึงมีข่าวว่า ค่ายสีน้ำเงินจะใช้ตัวเลข 61 เสียง อ้างความชอบธรรมที่จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่ม ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เดิมมีรัฐมนตรี 7 คน 8 ตำแหน่ง อาจถูกริบโควต้าให้เหลือ 6 คน 7 ตำแหน่ง
สถานการณ์ที่ง่อนแง่นของ ปชป. นักข่าวจึงได้เห็นภาพ “เสี่ยต่อ” ถ่อแพไปพบ “เสี่ยหนู” ที่กระทรวงสาธารณสุข
ด้านหนึ่ง มีการปล่อยข่าวว่า ค่ายสีน้ำเงินต้องการให้ “3 ป.” เยียวยาศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีคมนาคม ที่ถูกโหวตงดเสียงในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยการเพิ่มโควต้ารัฐมนตรีให้กับภูมิใจไทย
นัยว่า นี่เป็นไพ่ตาย ที่ 3 ป. ไม่สามารถปฏิเสธได้