ภาพรวมเกือบทั้งประเทศ 63 จังหวัดติดเชื้อโควิดเกินร้อยราย มี 13 จังหวัดติดเชื้อทะลุ 500 ราย ส่งผลวันนี้ยอดติดเชื้อยังสูงกว่า 2.6 หมื่นราย ป่วยหนักยังพุ่ง 1,615 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 640 ราย ยอดดับลดลงเหลือระดับ 67 ราย
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 50 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 26,234 ราย สะสม 3,503,264 ราย หายป่วย 20,013 ราย สะสม 3,228,284 ราย เสียชีวิต 67 ราย สะสม 24,715 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 250,265 ราย อยู่ใน รพ. 67,873 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 182,392 ราย มีอาการหนัก 1,615 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 640 ราย อัตราครองเตียงสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 27.5%
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 67 ราย มาจาก 34 จังหวัด ได้แก่ กทม. 12 ราย , นครปฐม สงขลา กาญจนบุรี ชลบุรี จังหวัดละ 4 ราย , สมุทรสาคร 3 ราย , อุบลราชธานี ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กระบี่ สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี ราชบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ สมุทรปราการ สุรินทร์ เลย บุรีรัมย์ ขอนแก่น หนองคาย แพร่ กำแพงเพชร เชียงราย ภูเก็ต ตรัง สตูล ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา อุทัยธานี อ่างทอง และประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 31 ราย หญิง 36 ราย อายุ 25 – 98 ปี เฉลี่ย 70 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 99%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 3,128 ราย 2.นครศรีธรรมราช 1,356 ราย 3.ชลบุรี 1,305 ราย 4.สมุทรปราการ 875 ราย 5.สมุทรสาคร 759 ราย 6.สงขลา 727 ราย 7.นครปฐม 691 ราย 8.ร้อยเอ็ด 657 ราย 9.นนทบุรี 652 ราย และ 10.พัทลุง 581 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 53 จังหวัด คือ ราชบุรี 578 ราย , บุรีรัมย์ 528 ราย , ฉะเชิงเทรา 510 ราย , ขอนแก่น 493 ราย , สุพรรณบุรี 489 ราย , ระยอง 458 ราย , พระนครศรีอยุธยา 452 ราย , ปทุมธานี 432 ราย , ศรีสะเกษ 411 ราย , นครราชสีมา 390 ราย , เชียงใหม่ 382 ราย , มหาสารคาม 382 ราย , อุดรธานี 380 ราย , อุบลราชธานี 377 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 373 ราย , สุรินทร์ 367 ราย , สมุทรสงคราม 351 ราย , นครสวรรค์ 347 ราย , เพชรบุรี 346 ราย , กาฬสินธุ์ 335 ราย , สกลนคร 327 ราย , ปราจีนบุรี 308 ราย , สระแก้ว 297 ราย , กาญจนบุรี 283 ราย , อ่างทอง 277 ราย , ภูเก็ต 269 ราย
พิษณุโลก 225 ราย , จันทบุรี 222 ราย , สระบุรี 218 ราย , กำแพงเพชร 217 ราย , หนองคาย 214 ราย , สตูล 204 ราย , ระนอง 196 ราย , สุโขทัย 195 ราย , ตรัง 192 ราย , สุราษฎร์ธานี 180 ราย , เลย 173 ราย , กระบี่ 167 ราย , ชัยภูมิ 167 ราย , ลพบุรี 161 ราย , ตราด 159 ราย , ชุมพร 155 ราย , นครนายก 151 ราย , ปัตตานี 141 ราย , ลำปาง 141 ราย , นราธิวาส 132 ราย , ตาก 130 ราย , สิงห์บุรี 130 ราย , ยะลา 126 ราย , บึงกาฬ 124 ราย , น่าน 122 ราย , มุกดาหาร 106 ราย และเพชรบูรณ์ 105 ราย ทั้งนี้ มีจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 2 จังหวัด คือ เชียงราย 5 ราย และลำพูน 3 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 75 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 36 ราย ใน 19 ประเทศ โดยมาจากอิหร่าน อิราเอล และอังกฤษมากที่สุด ประเทศละ 4 ราย ที่เหลือติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 30 ราย แซนด์บ็อกซ์ 3 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 3 ราย มจากเมียนมา สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-25 มี.ค. 2565 จำนวน 214,269 ราย รายงานติดเชื้อ 1,329 ราย คิดเป็น 0.62% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 191,752 ราย ติดเชื้อ 884 ราย คิดเป็น 0.46% แซนด์บ็อกซ์ 19,043 ราย ติดเชื้อ 352 ราย คิดเป็น 1.85% และกักตัว 3,474 ราย ติดเชื้อ 93 ราย คิดเป็น 2.68%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 25 มี.ค. ฉีดได้ 297,875 โดส สะสมรวม 128,399,428 โดส เป็นเข็มแรก 55,223,092 ราย คิดเป็น 79.4% ของประชากร เข็มสอง 50,213,882 ราย คิดเป็น 72.2% ของประชากร และเข็มสาม 22,962,454 ราย คิดเป็น 33% ของประชากร